วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558


ความลับของมิกกี้เมาส์


วันนี้ขอสั้นๆ น่ะครับ คืออยากให้ทุกคนรู้ว่าครั้งหนึ่งมิกกี้ เมาส์ตัวละครที่เป็นขวัญใจของคนทั่วโลกเคยมีด้านมืดกับเขามาก่อน ที่ไม่แตกต่างอะไรกับคนเราแม้แต่น้อย
มิกกี้ เมาส์ เป็นตัวละครที่ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 1928 โดยวอลต์ ดิสนีย์  ด้วยเอกลักษณ์ที่คุ้นเคยกันดี กล่าวคือมิกกี้ เมาส์มีลักษณะเป็นหนูสีดำ สวมกางเกงเอี๊ยมสีแดง สวมถุงมือสีขาว (มีนิ้ว 4 นิ้ว) และรองเท้าใบโตสีเหลือง
มิกกี้ เมาส์เปิดตัวต่อหน้าสาธารณะครั้งแรกจากภาพยนตร์การ์ตูนขาวดำ “เรือกลไฟวิลลี่” (Steamboat Willie) ที่ออกฉากเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 1928 ซึ่งต่อมา “เรือกลไฟวิลลี่” ได้รับเลือกให้อยู่อันดับ 13 ใน 50 ภาพยนตร์การ์ตูนที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล ที่ยังคงมีคุ้นค่าจนถึงปัจจุบัน
หลังจากการเปิดตัวของมิกกี้ เมาส์ สิ่งที่ตามมาก็คือเพื่อนของมิกกิ้ เมาส์ไม่ว่าจะเป็นเจ้าเป็ดขี้โมโหและโวยวายโดนัลด์ ดั๊ก และกุฟฟี่ ทั้งหมดล้วนดังเป็นขวัญใจของเด็กทั่วโลกทั้งสิ้น
                เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักมิกกี้ เมาส์และพรรคพวกไม่มากก็ไม่น้อย จนถึงปัจจุบันการ์ตูนมิกกี้ เมาส์ก็ยังไม่ตกยุคเลย อีกทั้งภาพลักษณ์ของมิกกี้ เมาส์นั้นควรเอาเยี่ยงอย่าง เพราะมิกกี้ เมาส์มีบุคลิกที่มีความอดทน อดกลั้น ฉลาดหลักแหลม มองโลกในแง่ดี และกล้าหาญ ที่สำคัญ มิกกี้ เมาส์ มีสัญชาตญาณพิเศษในเรื่องของการสืบสวนสอบสวน (มิกกี้ เมาส์เคยมีอาชีพเป็นนักสืบด้วยซ้ำ) และด้วยบุคลิกที่โดดเด่นในแง่นี้เองทำให้ตัวการ์ตูนตัวนี้ชอบที่จะใช้เหตุผลเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้กำลังเข้าสู้ จนสามารถเอาชนะศัตรูที่มีร่างกายที่แข็งแรงกว่า ทำให้ มิกกี้เมาส์ สามารถเป็นที่รักและครองหัวใจของเด็ก ๆ และผู้คนทั่วโลกได้เป็นเวลาหลายทศวรรษ
โดยหารู้ไม่ว่า มิกกี้ เมาส์ที่หลายคนรู้จักนั้นว่าเป็นตัวละครฝ่ายดีนั้น ครั้งหนึ่งเขาก็เคยมีด้านมืดที่น่าตกใจเหมือนกัน!?

Mickey Mouse suicide
ใครจะเชื่อล่ะครั้งว่าครั้งหนึ่ง เจ้าหนูอารมณ์ดีผู้ยิ่งใหญ่นี้เคยมีความคิดฆ่าตัวตาย

                ไม่ว่าใครก็ตามล้วนมีด้านมืดในจิตใจทั้งสิ้น ด้านมืดคืออารมณ์ ความคิด การกระทำหลายๆ อย่างที่เป็นด้านไม่ดี เรารู้ แต่เราไม่สามารถควบคุมอะไรได้ ไม่ว่าจะเป็นความอิจฉา อาฆาตพยาบาล โลภ โมโห ความสิ้นหวัง สิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่ในจิตใจของทุกคน
                ไม่เว้นแม้แต่มิกกี้ เมาส์ และพรรคพวกที่ครั้งหนึ่งพวกเขาได้ทำเรื่องอะไรบางอย่างที่หลายคนต้องอึ้งมาแล้ว
                มิกกี้ เมาส์เคยมีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย คุณเชื่อไหมมิกกี้ เมาส์ผู้ร่าเริง มองโลกในแง่ดี ครั้งหนึ่งเจ้าหนูขวัญใจคนทั่วโลกนี้เคยจิตตกและมีความคิดที่จะฆ่าตัวตายมาแล้ว!!


โอ้
!! แม่เจ้า สมัยนั้นมี  NTR ซะด้วย!!

“มิกกี้ เมาส์พยายามฆ่าตัวตาย” เป็นการ์ตูนดีสนีย์สั้นๆ ในหน้าหนังสือพิมพ์รายวัน 8-24 ตุลาคม 1930 เขียนบทและวาดโดย ฟลอยด์ ก็อทเฟรดสัน ลงหมึกโดยก็อทเฟรดสันและฮาร์ดี้ (Hardie Gramatky)โดยเนื้อหาการ์ตูนเป็นการเล่าเรื่องราวมิกกี้ เมาส์พยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง
กล่าวกันว่าสาเหตุที่เขียนตอนนี้มาจากยุคนั้นชาร์ แชปลิน และบัสเตอร์ คีตันกำลังเป็นดาราหนังเงียบที่ได้รับความนิยม วอลท์ ดีสนีย์เองมีความชื่นชอบเป็นอย่างมา (คนมีหลายคนเชื่อว่ามิกกี้ เมาส์มีต้นแบบมาจากชาร์ลี แชปลินเลยทีเดียว) ซึ่งสองดาราหนังเงียบเก่งเรื่องการแสดงท่าทางและบทตลกที่มักเจ็บตัวเสมอ นั้นเองทำให้เป็นแรงบันดาลใจให้วอลท์ ดีสนีย์สร้างสรรค์ผลงานโดยมีตลกเงียบเป็นแบบอย่าง
ต่อมาวอลท์ ดีสนีย์ได้ดูภาพยนตร์ตลกเงียบ Haunted Spooks  ที่ฉายในปี 1920 ที่แสดงโดยฮาโรลด์ ลอยด์ ซึ่งรับบทเป็นชายหนุ่มที่ผิดหวังกับความรัก เพราะแฟนสาวไปมีคนอื่น เขาจึงมีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย ตอนแรกเขาเห็นปืนตกอยู่บนพื้นจึงนำมันขึ้นมาเพื่อยิงปืนฆ่าตัวตาย แต่กลายเป็นว่าเป็นปืนฉีดน้ำจนได้ ต่อมาเขาก็เอาตัวเองเข้าไปรางรถไฟแต่ก็ล้มเหลวอีก (เพราะรถไฟอยู่คนล่ะราง) จากนั้นเขาก็จะโดดน้ำฆ่าตาย แต่กลายเป็นว่าน้ำตื้น ไม่ก็มีคนมาขัดจังหวะ หรือไม่ก็ตกลงบนเรืออีก พูดง่ายๆ ไม่ว่าฮาโรลด์จะพยายามฆ่าตัวตายด้วยวิธีใดก็ล้มเหลวแบบตลกขบขันหมด และนั้นเองเป็นแรงบันดาลใจให้แก่วอลท์ ดีสนีย์คิดตอนนี้ขึ้นมา  โดยเนื้อหาเป็นเรื่องมิกกี้ เมาส์เสียใจที่มินนี่มีชู้!!
ก่อนอื่นของพูดประวัติมินนี่สักหน่อย มินนี่นั้นเป็นตัวละครที่ออกแบบโดย ฟลอยด์ ก็อทเฟรดสัน นักวาดการ์ตูนคู่บุญของวอลท์ ดีสนีย์ โดย สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นคู่หมั้นของมิกกี้ เมาส์ และให้เป็นตัวแทนของความเป็นผู้หญิง มีบุคลิกที่อ่อนหวาน อ่อนไหว ชอบการต่อสู้และมีอารมณ์ที่ค่อนข้างหุนหันพลันแล่น แน่นอนว่ามินนี่ก็ได้กลายเป็นตัวละครที่ได้รับความนิยม และหลายคนก็รับรู้ว่ามินนี่กับมิกกี้ เมาส์เป็นรักตลอดกาลที่ไม่มีอะไรแยกทั้งสองออกจากกันได้
แต่หารู้ไม่ว่าครั้งหนึ่งมินนี่เคยทำให้มิกกี้ เมาส์เสียใจมาแล้ว!!
ฟลอยด์ ก็อทเฟรดสันได้วาดมิกกี้ เมาส์ตอนนี้ขึ้นมา โดยกล่าวถึงมิกกี้ เมาส์ที่กำลังตกอยู่ในสภาพที่หดหู่มากและมีความคิดอยากจะฆ่าตัวตายหลังจากที่มินนี่แฟนสาวของเขาได้ทิ้งเขา แล้วไปหาพ่อค้าเร่ชื่อ “มิสเตอร์สลิคเกอร์”
เนื้อหาประมาณว่าเย็นวันหนึ่งมินนี่เชิญนายสลิคเกอร์คนนี้มาบ้าน ในขณะที่มินนี่แนะนำคนในครอบครัว (ที่แสดงในอัลบั้มภาพครอบครัว) อยู่นั้น จมูกของสลิคเกอร์ที่ยาวมากได้ยื่นเข้ามาใกล้ของมินนี่ และเวลาเดียวกันนั้นมิกกี้ เมาส์กำลังเดินเข้ามาเห็นพอดี ซึ่งหากมองในมุมมองของมิกกี้ เมาส์ก็นึกว่าแฟนสาวของเขาจูบชายคนอื่นซะงั้น และแทนที่มิกกี้ เมาส์จะเข้าบ้านไปถามมินนี่ตรงๆ เขากลับไม่ทำ เพราะเห็นภาพบาดใจจนรู้สึกเจ็บปวด เขาก็เลยเดินคอตกและกลับบ้าน

 
ครั้งแรกล้มเหลว

“เธอไม่สนใจฉันอีกต่อไปแล้ว ฉันอยู่ไม่ได้หากไม่มีเธอ” มิกกี้ เมาส์พึงพำแบบจิตกก่อนที่จะเข้าไปในบ้าน หยิบปืนไรเฟิล และใช้มัน (สรุปคือมิกกี้เมาส์จะฆ่าตัวตาย ด้วยสาเหตุเพราะเข้าใจผิด) จากการ์ตูนจะเห็นว่ามิกกี้เมาส์ ตั้งปืนไรเฟิลบนเก้าอี้สองตัว แล้วก็ผูกเชือกที่ไกลปืน หวังว่าหากเขาดึงเชือกเขาจะถูกยิงเข้าที่ด้านหลังศีรษะ (ไม่รู้ทำยุ่งยากแบบนี้เพราะอะไร) หากแต่ระหว่างที่มิกกี้เมาส์กำลังนับเพื่อกดไกปืนนั้นเอง เขาก็ถูกขัดจังหวะโดนเสียงนาฬิกานกกาเหว่าบอกเวลา เป็นเหตุทำให้มิกกี้ เมาส์เลิกฆ่าตัวตายด้วยวิธีนี้ไป

 
พยายามกระโดดจากที่สูงก็พลาดอีก

                วันรุ่งขึ้นมิกกี้ เมาส์ก็พยายามฆ่าตัวตายอีก ด้วยการกระโดดจากสะพานสูง สู่แม่น้ำเบื้องล่าง แต่พอดีเวลานั้นมีเรือขนาดเล็กแล่นผ่านมาพอดี และมิกกี้ เมาส์จึงตกมายังพื้นเรือทำให้ไม่ตาย และถูกกัปตันเรือจับโยนลงน้ำ ที่น่าตลกคือมิกกี้ เมาส์ได้ขอร้องกัปตันว่า “อย่าโยนผมน่ะ ผมว่ายน้ำไม่เป็น ไม่งั้นจมน้ำแน่!
รมก๊าซฆ่าตัวตายก็พลาดอีก

รมแก๊สก็พลาด

                วันถัดไปมิกกี้ก็เปลี่ยนวิธีฆ่าตัวตายใหม่อีก คราวนี้หันไปรมก๊าซในบ้านของเขา และล้มตัวลงนอนบนเตียงนอนหลับเพื่อรอหมดลมหายใจจะได้หลับตลอดกาล “มินนี่ ลาก่อน! โลกนี้ช่างโหดร้ายเหลือเกิน” อย่างไรก็ตามพอดีมีกระรอกตัวหนึ่งแอบเข้ามาในห้อง และพยายามอัดก๊าซใส่ลูกโป่งสวรรค์ และอัดมากไปจนลูกโป่งระเบิดออก และลูกโป่งระเบิดออก มิกกี้ เมาส์เลยตกใจตื่นเพราะนึกว่าถูกยิง จนหมดอารมณ์ฆ่าตัวตายอีก


ถ่วงน้ำก็ไม่เอาเพราะมันหนาว

                วันถัดไปอีก มิกกี้เมาส์ก็เอาห้อยทั่งตีเหล็กขนาดใหญ่หวังจะถ่วงน้ำตาย หากแต่ระหว่างไปที่ริมแม่น้ำก็พบปลาตัวหนึ่ง มิกกี้ได้ถามปลาว่า “เฮ้ เจ้าปลา! น้ำวันนี้เป็นยังไงบ้าง?” เจ้าปลาเลยตอบว่า “เย็นยะเยือกเหมือนผีเลยว่ะ” มิกกี้ เมาส์จึงตัดสินใจที่จะลองอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นและโยนทั่งลงในแม่น้ำ
สุดท้ายมิกกี้ เมาส์ก็เลิกล้มที่จะฆ่าตัวตาย

 
เลิกล้มที่จะฆ่าตัวตายในที่สุด

                ในที่สุดมิกกี้ เมาส์ก็โยนบ่วงคล้องกิ่งไม้เพื่อที่จะแขวนคอตนเอง หากแต่ระหว่างนั้นเขาก็ถูกล้อมรอบด้วยกระรอกขี้เล่นและมีความสุข มิกกี้ เมาส์จึงคิดได้และกล่าวว่า “ฉันคิดว่าฉันกำลังบ้า อ่า ฉันคิดที่จะแขวนคอตัวเอง! ฉันรู้สึกละอายเหลือเกินเมื่อเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของพวกนาย! โลกนี้มันไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น! ต้องให้กระรอกพวกนี้ทำให้ฉันรู้ว่าตัวเองบ้าขนาดไหน!"
             หลังจากนั้นมิกกี้ เมาส์ไม่แขวนคอและเลิกล้มฆ่าตัวตายอย่างสิ้นเชิง เขาเอาเชือกมาทำเป็นชิงช้าและเล่นอย่างมีความสุขต่อหน้ากระรอกที่ยิ้มแย้มเหล่านั้น
              จะเห็นได้ว่าการ์ตูนตอนมิกกี้ เมาส์พยายามฆ่าตัวตายนั้นไม่ได้ทำออกมาในเชิงหดหู่ สิ้นหวัง หรือจิตตก แต่ทำออกมาในลักษณะขบขันเหมือนภาพยนตร์ตลกเงียบ  Haunted Spooks ที่การล้มเหลวในการฆ่าตัวตายเป็นเรื่องตลกขบขัน พร้อมกับตบท้ายข้อคิดการมองโลกในแง่ดีของมิกกี้ เมาส์อีกครั้ง ซึ่งเขาเกือบฆ่าตัวตายเพราะความมืดบอดของความรักมาแล้ว
และนั้นเองเป็นสาเหตุที่ทำไมมิกกี้ เมาส์ยังคงเป็นตัวละครที่เป็นขวัญใจคนทั้งโลก ทุกเพศ ทุกวัย (อย่างไรก็ตาม สาเหตุนี้เองทำให้มิกกี้ เมาส์เกลียดมิสเตอร์สลิคเกอร์ชนิดว่าอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้)

 
Suicide Mouse คลิปตำนานเมืองมิกกี้ฆ่าตัวตาย

มีเรื่องแปลกๆ นิดหน่อย หากใครเอาคำว่า “Suicide Mouse” ไปหาในกูเกิลจะพบคลิปประหลาดคลิปหนึ่ง ความจริงแล้วมันเป็นคลิปตำนานเมืองอินเทอร์เน็ต ที่เล่าลือในช่วงปลายปี 2012 ซึ่งมีการอัฟคลิปวีดีโอบนยูทูป ที่อ้างว่าเป็นฟิล์มลับๆ ที่ไม่มีการเปิดเผยสาธารณะชน เพราะเนื้อหาค่อนข้างจิตใจและรับไม่ได้สำรวจเด็ก ซึ่งวอลต์ ดิสนีย์จัดการลบจนเหี้ยนไปแล้ว (แน่นอนว่ามันเป็นแค่ข่าวลือ ไม่ได้มีการพิสูจน์ว่าเรื่องจริง)
                แน่นอนว่าไม่มีใครเจอฟิล์มต้องห้ามที่ว่า (ภาพคลิปนั้นเป็นภาพอ้างอิง ไม่ใช่ของจริง) โดยเนื้อหาของข่าวลือฟิล์มที่ว่าเป็นภาพขาวดำความยาว 9 นาที 4 วินาที เป็นภาพที่มิกกี้เมาส์เดินผ่านตึก 6 ตึก เล่นซ้ำไปเรื่อยๆ 2-3 นาทีแล้วจบ โดยมีเพลงประกอบเปียโนผสมกับเสียงวิทยุจนหนังจบ โดยทำนองเพลงเป็นเพลงดูซ้ำๆ ไม่ได้เป็นเพลงอารมณ์ดีเหมือนหนังทั่วไป จากนั้นก็มีเสียงคลื่นวิทยุแทรกเข้ามายาวจนจบเรื่อง
                ส่วนตัวมิกกิ้ เมาส์เองก็ได้เดินไปเรื่อยๆ ระหว่างที่เดินมิกกี้ เมาส์ก็คอตก เดี่ยวก็เงยหัวไปข้างหน้า ด้วยสีหน้าที่ดูกังวล หลังจากนั้นฉากก็มืดลง อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไปสักพักหนังก็กลับมาฉากมิกกี้ เมาส์เดินจิตตกอีกครั้ง หากแต่คราวนี้เสียงประกอบกลับเป็นเสียงคน ที่ฟังไม่ได้เป็นภาษา เพราะมีเสียงกรีดร้องเหมือนร้องไห้กลบไว้ สักครั้งเสียงก็เริ่มชัดขึ้น และภาพก็เริ่มบิดเบี้ยวในทิศทางที่ไม่เป็นธรรมชาติ และมิกกี้ เมาส์ก็เริ่มยิ้ม เสียงเริ่มกลายเป็นกรีดร้องทรมาน  เกิดภาพสีขึ้น (สมัยที่สร้างหนังยังไม่มีภาพสี) หน้าของมิกกี้เริ่มบิด ลูกตาเขาตกมาอยู่ที่แก้ม ปากเขาขึ้นสูงไปอยู่บนหน้าตึกเริ่มลอยขึ้นเหนือพื้นส่วนทางเดินยังคงบิดเบี้ยว ว่ากันว่าคนแรกที่ดูคลิปนี้ถึงขั้นจิตตกและฆ่าตัวตาย
                แน่นอนว่าเรื่องที่ว่าเป็นเรื่องตำนานในอินเทอร์เน็ตเท่านั้นไม่ได้เป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด
                ด้านมืดๆ ของมิกกี้เมาส์ยังไม่จบเพียงเท่านี้!?

Mickey Mouse And The Medicine Man

มิกกี้ เมาส์และกุฟฟี่เคยขายยาบ้า!?? คุณอ่านไม่ผิดหรอก ผมก็ตกใจเหมือนกันหลังจากที่เห็นหัวข้อนี้ครั้งแรก ใครจะเชื่อละว่าครั้งหนึ่งสองตัวละครขวัญใจเด็กดีทั่วโลกจะเคยเสพและจำหน่ายยาบ้า!? และมันเป็นเรื่องจริง!!
เรื่องของเรื่องคือบริษัทวอลท์ดีสนีย์ และบริษัทเยนเนอรัล มิลล์บริษัทอาหารที่มีชื่อเสียงของสหรัฐ ได้ออกการ์ตูนสั้นในชื่อเรื่อง 'Mickey Mouse and the Medicine Man' ซึ่งทำขึ้นเพื่อโฆษณาอาหารกล่องซีเรียล ราคา 15 เซนต์ โดยเนื้อหาเกี่ยวกับสองคู่ผู้มิกกี้ เมาส์ และกุฟฟี่กับยาเสพติดออกฤทธิ์ทางประสาท ที่พวกเขาถูกใจยานี้มากถึงขั้นนำไปเผยแพร่ให้ชนเผ่าในแอฟริกา ซึ่งชนเผ่านี้ไม่ต้อนรับยาเสพติดของมิกกี้เป็นเหตุทำให้พวกเขาไม่พอใจมาก
ที่มาของเรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงปี 1950 ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ชานเมืองของอเมริกาได้ขยายตัวเพราะความเจริญอย่างรวดเร็ว นั้นเองทำให้ยาเสพติดยากล่อมประสาทและกระตุ้นประสาทมีจำนวนมากขึ้น และถูกนำมาใช้อย่างก้าวขวาง ตัวยาบางชนิด โดยเฉพาะยาบ้า (ซึ่งสมัยนั้นไม่ได้อันตรายเหมือนปัจจุบัน) และพวกยาเบนซีดริน (Benzedrine) ทุกคนสามารถซื้อหามันได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยาและนั้นเองทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1951 เพื่อแสดงให้เห็นการลองยาแบบไม่รู้ถึงการ ในเชิงตลกขบขัน แฝงด้วยการจิกกัดสังคม

 
รสชาติเหมือนช็อคโกแลต?

เนื้อหาของเรื่องคร่าวๆ ประมาณกุฟฟี่มาบ้านของมิกกี้ เมาส์พร้อมกับขวดยาสีเขียวที่เรียกว่า  “เป๊ปโป้” (Peppo) ความจริงแล้วมันเป็นการล้อเลียนแอมเฟตามีน (ความเร็ว) หรือง่ายๆ คือมันเป็นส่วนประกอบหลักของยาบ้านั้นเอง เพียงแต่มันอยู่ในรูปแบบขวดใช้ดื่ม แทนที่จะเป็นรูปแบบเม็ดๆ แบบบ้านเราเท่านั้นเอง
กุฟฟี่วิ่งหน้าตื่นร้องเรียกมิกกี้ให้มาดูขวดยาสีเขียวที่ว่า โดยกุฟฟี้บอกว่ามันเป็นสินค้าใหม่ชื่อ “เป๊ปโป้” โดยบอกว่าให้ลองชิมดูเพราะมันอร่อยเหมือนช็อกโกแลต ซึ่งกุฟฟี้ได้ชิมคำแรกจู่ๆ เขาก็กระโดดตัวสูงขึ้นมาเอง โดยที่เขาไม่รู้สึกตัวว่าเป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าน่าจะเป็นฤทธิ์ยา “เป๊ปโป้”

 
มิกกี้ เมาส์เคยกินยาบ้า!?

มิกกี้ เมาส์ก็เอาบ้างโดยการชิมยาคำหนึ่ง ก็พบว่าเขารู้สึกคึกสุดยอด เขารู้สึกกระฉับกระเฉง วิ่งรวดเร็วเหมือนม้า โดยไม่รู้สึกเหนื่อย เหมือนตนมีพลังวิเศษปานนั้น พร้อมพูดว่า “เป๊ปโป้สุดยอด!!” จากนั้นมิกกี้ เมาส์ก็บอกให้กุฟฟี่พาเขาไปหาผู้ผลิตหน่อย
และนั้นเองจึงพูดได้เต็มปากว่ามิกกี้ เมาส์และกุฟฟี่ เคยกินยาบ้ามาแล้วนั้นเอง!!
การออกฤทธิ์ของแอมเฟตามีนจะส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งทำหน้าที่เก็บความจำความคิดและควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ เช่นการเคลื่อนไหว การทรงตัว การถ่ายทอดความรู้สึกทำให้ตื่นตัว เคลิบเคลิ้ม ร่าเริง ไม่เหนื่อย ไม่ง่วง ตาแข็ง นอนไม่หลับคล้ายเป็นยาเพิ่มพลั

 
มิกกิ้จำหน่ายยาบ้า!??

ที่น่าขำคือบริษัทที่ขาย “เป๊ปโป้” ไม่ใช่บริษัทที่มีตึกใหญ่ หรือร้านจำหน่ายยาแต่อย่างใด มันกลับเป็นละครสัตว์แถวๆ นั้น
มิกกี้ เมาส์และกุฟฟี่ได้เข้าไปพบเจ้าของ “เป๊ปโป้” โดยบอกว่าสนใจอยากทำธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องดื่มยามหัศจรรย์นี้ เจ้าของเลยยินดี และหลังจากจับมิกกี้ เมาส์ทำสัญญาแล้วเขาก็บอกให้มิกกี้ เมาส์ไปเปิดตลาดเป๊ปโป้ที่แอฟริกา!!
มิกกี้ เมาส์และกุฟฟี่ได้เดินทางไปแอฟริกาก็พบว่าที่นั้นกันดานมาก อย่างไรก็ตามทั้งสองได้มาถึงหมู่บ้านหนึ่ง เขาก็เริ่มเคาะขาย “เป๊ปโป้” ในล่ะบ้าน เพื่อขายสินค้าของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม มิกกี้เมาส์ก็ถูกขัดจังหวะจากการขายสิ้นค้าของเขา จากคนในเผ่าซึ่งเป็นหมอผีที่นั้น พวกเขามีหมอผีรักษาคนเผ่าอยู่แล้ว ไม่ต้องการที่จะมียาวิเศษ “เป๊ปโป้” แต่อย่างใด และนั้นเองทำให้มิกกี้และกุฟฟี่ถูกจับยัดใส่คุก

 
แอบเอายาบ้าให้คนอื่นกิน!??

แต่ด้วยความฉลาดของมิกกี้ เมาส์ เขาและกุฟฟี่ก็แหกคุกออกมาข้างนอกตอนกลางคืนได้ ระหว่างที่คนในเผ่านอนหลับกันหมด พวกเขารีบวิ่งไปที่บ้านของหัวหน้าเผ่า และพบหัวหน้าเผ่านอนหลับอยู่บนเตียง มิกกี้ เมาส์เห็นโอกาส เลยกรอก “เป๊ปโป้” จนหมดขวดให้หัวหน้าเผ่ากิน ผลคือหัวหน้าเผ่าตื่นขึ้นมาคึกจัดเริงร่า หัวหน้าเผ่ารู้สึกชอบใจยาตัวนี้มากจึงขอซื้อ “โป๊ปโป้” ของมิกกี้ เมาส์ที่มีอยู่ทั้งหมด
                ระหว่างที่มิกกิ้ เมาส์กำลังทำสัญญาหัวหน้าเผ่านั้นเอง หมอผีก็มาห้าม โดยบอกว่ายาดังกล่าวไม่ดี ไม่งาม (และมันก็จริงด้วย) หัวหน้าเผ่าไม่รู้จะเชื่อใครเลยให้บททดสอบมิกกี้ เมาส์ด้วยการหากคุยกับช้างได้รู้เรื่องเขาจะซื้อ “โป๊ปโป้” ทั้งหมด และหากมิกกี้ เมาส์ทำไม่ได้คงไม่ต้องบอกว่าจุดจบจะเป็นยังไง
                มิกี้ เมาส์ได้รับการทดสอบแบบไม่ได้เต็มใจนัก แต่ด้วยความเหลือเชื่อมิกกี้ เมาส์บอกว่ายาของหมอผีไม่ดี ช้างก็พูดภาษาคนคล่องอย่างกับกินวุ้นแผลภาษาของโดเรมอน ผลคือหมอผีอับอายและแพ้ในที่สุด ส่วนมิกกี้ เมาส์ก็ได้เปิดตลาดยาบ้า .....เอ้ย!! “เป๊ปโป้ในแอฟริกาได้สำเร็จ
แน่นอนว่า หลังจากที่ดูการ์ตูนนี้จบ หลายคนสงสัยว่าสิ่งที่มิกกี้ เมาส์และกุฟฟี่นั้นทำถูกต้องหรือไม่ ทั้งเสพและจำหน่ายยาบ้า แถมให้คนอื่นเห็นดีเห็นงามกับยาบ้าอีก!?
สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเวียดนาม ยาบ้า (แอมเฟทามีน) เป็นยาที่ใช้กระตุ้นความกล้าหาญ และความ อดทนของทหาร โดยประมาณกันว่ามีการใช้ยาบ้ากว่า 72 ล้านเม็ดระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง หลังสงครามการใช้ยาบ้าจึงเริ่มแพร่ขยายออกไปสู่สังคม ซึ่งเวลานั้นแอมเฟทามีนไม่ผิดกฎหมาย แถมถูกนำไปใช้จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ทำให้เบื่ออาหาร หรือหายอ่อนเพลีย เป็นที่นิยมของอเมริกาในยุคนั้น ซึ่งกว่าที่ยาบ้าจะถูกจัดเป็นยาผิดกฎหมาย ยาชนิดนี้ก็ระบาดไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยแล้ว
ในช่วงที่การ์ตูนเรื่องนี้ออกมา ยาบ้ายังเป็นยาที่ถูกกฎหมาย (แม้จะมีความกังวลกับฤทธิ์ยาก็ตาม) ดังนั้นสิ่งที่มิกกี้และกุฟฟี่นั้นคือการรู้ไม่ถึงการ เห่อของใหม่ ไม่รู้ความน่ากลัวของแอมเฟทามีนนั้นเอง

             การ์ตูนมิกกี้ เมาส์และพรรคพวกเป็นการ์ตูนที่ผ่านมาทุกยุค ทุกสมัย โดยเฉพาะเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของอเมริกัน ที่มิกกี้ เมาส์ผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมาย ไม่ว่าจะเป็นสุขหรือทุกข์ บางครั้งอาจมีด้านมืดบ้าง แต่กระนั้นมิกกี้ เมาส์และพรรคพวกก็ไม่ได้ถล้ำลึกสู่ด้านมืด ยังรู้สึกหยุดคิด หยุดการกระทำ กลับใจ พร้อมกับปรับปรุงตัวกลับมาสู่ด้านสว่างได้ จนกลายเป็นตัวละครขวัญใจของคนทั่วโลกที่เด็กดีควรทำตามอย่างทุกข์ทุกสมัย

 แหล่งที่มา  http://my.dek-d.com/cammy/story/viewlongc.php?id=125456&chapter=260
มารู้จักกันเพื่อนๆ ของ Mickey Mosue กัน
1. MICKEY MOUSE 
เป็นตัวละครการ์ตูนที่ครองใจเด็กๆทั่วโลก มีลักษณะเป็นหนูสีดำ สวมกางเกงเอี๊ยมสีแดง ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 โดยวอลต์ ดิสนีย์ และอับ ไอเวิร์กส ให้เสียงโดยวอลต์ ดิสนีย์

จุดกำเนิดของมิกกี้ เมาส์ เกิดขึ้นขณะที่วอลต์ ดิสนีย์ นั่งอยู่บนรถไฟระหว่างทางมุ่งสู่ลอสแอนเจลิส เขาลงมือสเก็ตช์ภาพคาแรกเตอร์หนูเล็ก ๆ สวมกางเกงสีแดง ขึ้นมา โดยมีอับ ไอเวิร์กส ออกแบบรูปร่างลักษณะ การ์ตูนเสียงเรื่องแรก "เรือกลไฟวิลลี่" (Steamboat Willie)[1] เข้าฉายครั้งแรกที่ มอสส์โคโลนี่เธียเตอร์[2] โดยทางนิวยอร์กไทม์เขียนไว้ว่า "เป็นผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์เยี่ยมยอดและสนุก"

บุคลิกของมิกกี้ เมาส์ คือ มองโลกในแง่ดี มีความกระตือรือร้น ถ่อมตัวและเรียบง่าย ซื่อสัตย์ ชอบร้องอุทาน "Gosh" หรือบางครั้งก็ "Oh boy!", "Aw-Gee" ,"Uh-Oh!" ชอบอ่าน Newsweek, time, Life, National Geographic, Good Housekeeping มีหวานใจชื่อว่ามินนี่เมาส์ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนที่ครองใจเด็กๆทั่วโลกเช่นกัน นอกจากนี้มิกกี้เมาส์ยังมีสุนัขสีน้ำตาลแสนรัก ชื่อว่า พลูโตที่เป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ ฉลาดและแสนรู้

จุดกำเนิดของมิกกี้ เมาส์ เกิดขึ้นขณะที่วอล์ต ดิสนีย์ นั่งอยู่บนรถไฟระหว่างทางมุ่งสู่ลอสแอนเจลิส เขาลงมือสเก็ตช์ภาพคาแรกเตอร์หนูเล็ก ๆ สวมกางเกงสีแดง ขึ้นมา โดยมีอับ ไอเวิร์กสออกแบบรูปร่างลักษณะ การ์ตูนเสียงเรื่องแรก "Steamboat Willie" เข้าฉายที่ New York's Colony Theatre โดยทางนิวยอร์กไทม์เขียนไว้ว่า "เป็นผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์เยี่ยมยอดและสนุก"

บุคลิกของมิกกี้ เมาส์คือ มองโลกในแง่ดี มีความกระตือรือร้น ถ่อมตัวและเรียบง่าย ซื่อสัตย์ ชอบร้องอุทาน "Gosh" หรือบางครั้งก็ "Oh boy!", "Aw-Gee" ,"Uh-Oh!" ชอบอ่าน Newsweek, time, Life, National Geographic, Good Housekeeping

2.มินนี่ เม้าส์ (Minnie Mouse) 

มินนี่ เม้าส์ ซึ่งเป็นคู่หมั้นของมิคกี้ ถือได้ว่าเป็นตัวแทนของความเป็นผู้หญิง ตัวการ์ตูนนี้เกิดขึ้นมาจากความเป็นผู้หญิง ซึ่งมีอยู่ในทุกสังคมและความคิดของมินนี่ ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามทัศนคติ มินนี่มีบุคลิกที่อ่อนหวาน อ่อนไหว ชอบการต่อสู้และมีอารมณ์ที่ค่อนข้างหุนหันพลันแล่น มินนี่จะเป็นตัวแทนของเพศหญิง ฟอยด์ ก๊อตเฟรตสันเป็นนักวาด การ์ตูนที่สร้างมินนี่ เม้าส์ขึ้นมา มินนี่เป็นตัวการ์ตูนตัวหนึ่งในการ์ตูนเรื่องมิคกี้ เมาส์ โดยส่วนใหญ่แล้วมินนี่จะปรากฏตัวในห้องครัว ขณะที่ทำเค้กกับคาร์ราเบลล่า ซึ่งเป็นเพื่อนของมินนี่ การเป็นคู่หมั้นของมิคกี้และมินนี่เป็นตัวแทนของความผูกพัน ซึ่งเชื่อมทั้งสองเข้าไว้ด้วยกันชั่วนิรันดร์ถึงแม้ว่ามินนี่ และมิคกี้จะไม่มีลูกด้วยกันแต่ในประวัติของมิคกี้นั้นมักจะมีหนูเด็กๆ 2 ตัวปรากฏอยู่เสมอๆ หนูทั้งสองตัวนั้นชื่อว่า ทิป และแท๊ปซึ่งเป็นหลานของมิคกี้ ทิปและแท๊ปปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในปี 1932 ในตอนที่ชื่อว่า "หลานของมิคกี้" ซึ่งผู้ที่สร้างสรรตัวละครนี้ขึ้นมาคือ ฟอยด์ ก๊อตเฟรตสัน ในปี 1934 ในตอน "รถบดถนนของมิคกี้" ทิปและแท๊ปจะมีลักษณะทางกายภาพคล้ายคลึงกับมิคกี้ เม้าส์ซึ่งเป็นลุง โดยที่ทิปและแท๊ปจะใส่เสื้อคลุมขนสัตว์ที่เป็นชุดยาวมีสายรัดและสวมหมวกของ กะลาสี ทิปและแท๊ปเป็นหนูที่ฉลาด ทิปและแท๊ปจะต่อต้านหลานของมินนี่ ซึ่งมีชื่อว่าเมโลดี้ 
3.พลูโต จูเนียร์ (Fluto )

เป็นตัวละครในเรื่องมิกกี้ เมาส์ ของวอลต์ ดิสนีย์ โดยปรากฏในการ์ตูนเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1937เป็นลูกหมา 1 ใน 5 ตัวของพลูโต หลังจากนั้นก็มีการออกฉายอีกครั้งในปี ค.ศ.1942 ในตอน Pluto, Junior ซึ่งมันยังได้เป็นตัวละครสำคัญของตอน แต่ถึงแม้ว่าจะเคยออกฉายไปแล้วถึง 2 ครั้ง ก็ยังไม่ได้มีการกล่าวถึงชื่อของมัน มันจึงเป็นที่รู้จักในชื่อพลูโต จูเนียร์
4.กูฟฟี่ (Goofy)

ตัวการ์ตูนอีกตัวหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นเพื่อนสนิทของมิคกี้ก็คือ กุฟฟี่ ซึ่งเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดซึ่งมักจะติดตามมิคกี้ไปทุกๆที่ ในอเมริกาเรียกกุฟฟี่ว่า กูฟี่ ซึ่งชื่อนี้มีความหมายว่าตัว ตลก และความสนุกสนาน จากชื่อนี้เองสามารถเดาถึงบุคลิกลักษณะนิสัยของกุฟฟี่ได้ ในความเป็นจริงแล้วกุฟฟี่จะมีบุคลิกที่ตรงกันข้ามกับมิคกี้ ซึ่งกุฟฟี่จะคอยกวนใจมิคกี้บ่อยครั้ง ตามประวัติแล้วกุฟฟี่จะคอยสร้างความครื้นเครงให้ผู้อื่น โดยการทำฟองสบู่ในขณะที่มิคกี้รู้สึกท้อแท้ช่วยให้มิคกี้คลายความเศร้าได้ กุฟฟี่ถูกสร้างขึ้นปี 1932 ในการ์ตูนเรื่องมิคกี้ เมาส์ กุฟฟี่จะแต่งกายด้วยชุดสีแดงคล้ายกับชุดนอนและสวมเสื้อคลุมไม่มีแขนสีฟ้า กุฟฟี่จะเปลี่ยนเป็น ซุปเปอร์กูฟ หลังจากที่ได้รับประทานถั่วชนิดพิเศษเข้าไป ซึ่งถั่วดังกล่าวจะปลูกอยู่ในสวนภายในถ้วยใบหนึ่ง เมื่อทานถั่วเข้าไปแล้วกุฟฟี่จะมีพลังเหมือนกับซุปเปอร์แมน มีกำลังมหาศาล สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว
  ์



แหล่งที่มา   http://pirun.ku.ac.th/~b521075129/%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%86micky%20mouse.html

ประวัติผู้แต่งมิกกี้เมาส์


             วอลท์ ดิสนีย์ เกิดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ปี 1901 เขาเป็นบุตรชายคนที่ 4 ของครอบครัวชาวอเมริกันชั้นกลาง  เมื่อครอบครัวย้ายมายังแคนซัส ซิตี้ บิดาของเขาไปซื้อกิจการจัดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ และให้วอลท์ เป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ โดยบิดาของเขาเป็นคนขี้หงุดหงิดรำคาญ เจ้าอารมณ์และชอบพาลหาเรื่องวิวาท ดังนั้นชีวิตในวัยเด็กของ วอลท์ ดิสนีย์ มีช่วงเวลาแห่งความผาสุกสนุกสนานบนไร่และกับบ้านของครอบครัวในแคนซัส ซิตี้ แต่ก็มีรอยด่างเป็นแผลฝังลึกจากอารมณ์ร้ายๆของผู้เป็นพ่อ กับความไร้สุขจากลักษณะที่พี่ชายแต่ละคนไปจากบ้าน
            ในฐานะของคนที่เปลี่ยนชีวิตวัยเด็กให้กลายเป็นสินค้าเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน วอลท์ ดิสนีย์ จึงมักย้อนนึกถึงความกลัว และความผาสุกในวัยต้นๆ ของตนเอง เขาก็เหมือนกับเด็กว้าเหว่จำนวนมาก ที่มักจะฆ่าเวลาด้วยการสร้างเพื่อนทางจินตนาการด้วยปากกากับกระดาษ ตอนที่ครอบครัวย้ายไปชิคาโก เขาก็พบทางออกสำหรับความสามารถเฉพาะตัวที่ปรากฏชัด ตอนที่เขากลายเป็นบรรณาธิการฝ่ายศิลป์ระดับจูเนียร์ของหนังสือพิมพ์โรงเรียนไฮสกูลแมคคินลีย์
            วอลท์เริ่มตระหนักว่า ของเล่นเล็กๆน้อยๆของตนเอง มีค่ามากกว่าแค่ความคิดจินตนาการแปลกๆ เขานำเอาภาพการ์ตูนล้อเลียนตลกขบขันไปแลกกับการได้ตัดผมฟรี ระหว่างนั้นเอง สหรัฐอเมริกาก็เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 โดยอยู่ข้างฝ่ายพันธมิตร วอลท์ ซึ่งอายุ 16 ปี อาสาสมัครเป็นพลขับให้แก่หน่อยรถพยาบาลกาชาดอเมริกา ตอนที่เขาไปถึงฝรั่งเศส สงครามก็ยุติแล้ว เขาก็เลยขับรถบรรทุกมากกว่ารถพยาบาล แต่เมื่อใดที่เขาเข้าประจำหน้าที่ตามปกติ เขาก็จะวาดการ์ตูน สร้างความสนุกสนานให้แก่เพื่อนฝูงเป็นประจำ
            ปี 1920 เขาเซ็นสัญญารับจ้างวาดภาพให้แก่บริษัทผลิตภาพยนตร์โฆษณาชื่อ แคนซัส ซิตี้ ฟิลม์ แอ็ด คัมปะนี ได้ค่าจ้างสัปดาห์ละ 40 ดอลลาร์ โดยบริษัทนี้ จะโฆษณาเป็นภาพยนตร์การ์ตูนสั้นความยาว 60 วินาที แพร่ภาพตามโรงภาพยนตร์ วอลท์ ดิสนีย์ จึงได้เรียนรู้วิธีใข้เครื่องมือพื้นฐานสำหรับการสร้างภาพการ์ตูน กล้องแบบสต็อปแอ็คชั่น ซึ่งจับภาพวาดต่อกันเป็นชุด ทำให้ดูแล้วเหมือนเป็นภาพเคลื่อนไหวได้
            เขาทำงานใกล้ชิดกับศิลปินอีกคนชื่อ อัพบี ไอเวอร์คส์ ทั้งที่เพสแมน-รูบิน กับแคนซัส ซิตี้ ฟิล์ม ปี 1922 ศิลปินทั้งคู่ก็ช่วยกันตั้งบริษัทของตนเองชื่อ ลาฟ-โอ-แกรม เพื่อผลิตภาพยนตร์การ์ตูนสั้น แต่ก็ประสบความล้มเหลว
            ต่อจากนั้น วอลท์ ดิสนีย์จึงเริ่มสำรวจการพลิกแพลงทางการค้า เพื่อนำมาใช้กับความคิดบางส่วนของตนเอง เขาคิดว่าตนเองได้สร้างความเปลี่ยนแปลงที่เป็นต้นตำรับให้แก่วงการการ์ตูน ตอนที่นำเอาคนจริงๆมาสร้างเป็นการ์ตูนขึ้น ถึงแม้เทคนิคนี้จะมีการใช้กันมาก่อน แต่ภาพยนตร์ของดิสนีย์กับไอเวอร์คส์ ก็นำไปสู่การยอมรับภาพยนตร์การ์ตูนในลักษณะการค้าเป็นครั้งแรก พอปี 1923 เขาก็เดินทางจากแคนซัส ซิตี้ ไปยังสถานที่ซึ่งเคยได้ยินมาว่า ผู้ผลิตภาพยนตร์หนุ่มๆ สามารถหานายทุนมาสนับสนุนโครงการของตนได้ จุดหมายปลายทางที่เขามุ่งไปก็คือ ฮอลลีวู้ด

ด้วยเงินในกระเป๋าเพียง 40 ดอลลาร์ กับภาพการ์ตูน การผจญภัยของอลิซ ที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ดิสนีย์ก็จับรถไฟมุ่งไปทางตะวันตกของประเทศ
            เมื่อเดินทางไปถึงลอสแองเจลีส วอลท์ ดิสนีย์ก็ไปพักอยู่กับโรเบิร์ตผู้เป็นลุง จากนั้นก็ตระเวณไปตามสตูดิโอต่างๆ แล้วก็ได้ค้นพบสัจธรรมอย่างรวดเร็วว่า ผู้กำกับที่ยิ่งใหญ่นั้นไม่ใช่จะคว้ามาจากข้างถนนกันได้ง่ายๆ เมื่อไม่มีงาน ดิสนีย์ก็ทำแบบที่เคยทำในเมืองแคนซัส ซิตี้ ภายใต้สภาวการณ์เดียวกัน กล่าวคือ เขาเริ่มเป็นผู้ประกอบการด้วยตนเอง “เมื่อคุณหางานทำไม่ได้ คุณก็ต้องเริ่มธุรกิจของตัวเอง”
            วอลท์ ดิสนีย์มีสินทรัพย์ที่สามารถจับต้องได้ 2 อย่างด้วยกันคือ รอย พี่ชายของเขาซึ่งเป็นนักธุรกิจสมองเปรื่อง พำนักอยู่ในลอสแองเจลีส และกลับมาแข็งแรงดีดังเดิมหลังหายจากวัณโรค ส่วนสินทรัพย์อย่างที่ 2 ก็คือ การผจญภัยกับอลิซ ดังนั้นวอลท์ กับรอย จึงเปิดสตูดิโอภาพเคลื่อนไหวชื่อ ดิสนีย์ บราเธอร์ในโรงรถของลุงโรเบิร์ต และสามาถชายให้กับ วิงเลอร์ ผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์
            เมื่อมีการแพร่ภาพการ์ตูนชุดเรื่องอลิซออกไป อัพบี ไอเวอร์คส์ก็เข้าร่วมกิจการที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ โดยในตอนแรกเข้ามาร่วมในฐานะนักเขียนการ์ตูน ที่ได้รับการว่าจ้างตามสัญญา หลังจากเสร็จสิ้นภาพยนตร์การ์ตูนการผจญภัยของอลิซแล้ว วอลท์  ดิสนีย์ ก็สมรสกับลิเลียน บาวนด์ ทำงานด้านลงหมึกในสตูดิโอ ส่วนวิงเลอร์ ผู้จัดจำหน่ายของเขา ก็แต่งงานเกือบๆจะพร้อมกัน จากนั้นเธอก็มอบการควบคุมธุรกิจจัดจำหน่ายให้กับสามีของเธอ มินซ์ ซึ่งก็ร่วมทำงานกับดิสนีย์ สร้างตัวการ์ตูนกระต่ายที่จับขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่ เหมือนอย่างเจ้าแมวเฟลิกซ์ วอลท์สเก็ตช์ภาพกระต่ายตัวหนึ่งขึ้นมา ซึ่งมีชื่อว่า “ออสวอลด์ เจ้ากระต่ายโชคดี”
            ถึงแม้ออสวอลด์จะกลายเป็นจุดเริ่มภาพยนตร์การ์ตูนชุดสั้น ที่ได้รับการต้อนรับอย่างดี แต่ความสำเร็จของดิสนีย์กลับมีช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น เพราะความโง่เขลาของเขา ทำให้เขาตกลงเซ็นสัญญาผลิตการ์ตูน แต่บริษัทของมินซ์กับยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ จะเป็นเจ้าของตัวการ์ตูนนั้น เรียกได้ว่าประสบการณ์ครั้งนี้สร้างความโกรธแค้นให้แก่ วอลท์ ดิสนีย์ เป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดตั้งปณิธานว่า ไม่มีวันยอมทำงานให้ใครอีกแล้ว
ความลับของมิกกี้เมาส์ ข้อมูลสนุกๆเกี่ยวกับตัวการ์ตูนที่โด่งดังที่สุดของดิสนีย์?ตัวอะไรเอ่ยมีหูสีดำ ใส่กางเกงขาสั้นสีแดง สวมถุงมือสีขาว รองเท้าสีเหลืองคู่ใหญ่ เจตนาดี มีอารมณ์ขันและฉลองวันเกิดทุกวันที่ 18 พฤศจิกายน
สร้างขึ้นโดย วอล์ท ดิสนีย์และอุ๊บ ไอเวิรคส์ ในปี พศ 2471 มิกกี้คือสัญลักษณ์ของบริษัท เดอะวอลท์ ดิสนีย์ ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เงาของวงกลมสามวงคือโลโก้อย่างเป็นทางการของบริษัทลูกส่วนมาก อย่างเช่น ดิสนีย์ จูเนียร์ ดิสนีย์ แชนแนลและดิสนีย์ เอ็กซ์ ดี
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
ลองมาอ่านเรื่องสนุกๆ ความลับของมิกกี้เมาส์??และดูสิว่าคุณเป็นแฟนพันธ์แท้ของมิกกี้กันขนาดไหนมารู้จัก ?นาย?หรือ ?มร. หนู? (ชื่อที่ทีมงานของ เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ พาร์คและรีสอร์ตใช้เรียกขานมิกกี้):
  • มิกกี้เมาส์?เดิมชื่อ มอร์ติเมอร์; ชื่อเต็มของเขา คือ ไมเคิล เมาส์
  • มิกกี้เมาส์?ได้รับการจินตนาการว่า สูงประมาณ 69 เซนติเมตร หรือ 2 ฟุต 3 นิ้ว หนัก 10 กิโลกรัม หรือ 23 ปอนด์
  • วอล์ท ดิสนีย์เป็นคนพากษ์เสียงของ มิกกี้ ด้วยตัวเอง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2471 ถึงปีพ.ศ. 2490
  • พวกเราทุกคนรู้จักเพื่อนของ มิกกี้เมาส์?แล้วครอบครัวของมิกกี้ล่ะ หนูนามอร์ตี้และเฟอร์ดี้คือหลานของมิกกี้ ขณะที่หนูนาอมิเลียคือน้องสาวของมิกกี้และเป็นแม่ของมอร์ตี้และเฟอร์ดี้
  • นอกจากพลูโตแล้ว มิกกี้มีสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ ด้วย ได้แก่ ม้าแทงเกิ้ลฟุต ปลาทองเบียงก้า แมวมิลตันและแมวลีซ่า ช้างโบโบ้ นกกระจอกเทศออสก้าร์ และปลากับเปิ้ลส์
  • มิกกี้เมาส์?ชอบมินนี่ พลูโต เพื่อนๆ, ชอบเล่นสนุก, เต้นแท็ปดานซ์, กินแซนด์วิชและการผจญภัย
  • มิกกี้ ไม่ชอบถูกเรียกว่า หนู (Rat) ไม่ชอบถูกเอาเปรียบ ไม่ชอบตัวโกงและไม่ชอบให้เพื่อนๆทำไม่ดี
  • โดยปรกติแล้ว มิกกี้จะได้รับการนำเสนอว่ามีอำนาจวิเศษที่ได้มาจากหมวก Sorcerer ของ Yen Sid และสามารถควบคุมอำนาจวิเศษได้โดยไม่ต้องมีใครช่วย
  • มิกกี้เมาส์?แข็งแรงมาก รวดเร็วและที่สะดุดตาที่สุดคือตัวอ่อน เรียกว่ามีคุณสมบัติเกือบจะเหนือมนุษย์ธรรมดา (superhuman) เลยทีเดียว?
มิกกี้เมาส์?เมาส์ช่วงแรกๆ
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
มิกกี้เมาส์?ปรากฎตัวครั้งแรกในเรื่อง เรือไอน้ำวิลลี่ การ์ตูนสั้นขาว-ดำที่มีการประสานดนตรีกับซาวน์ เอฟเฟ็คเข้าด้วยกันน วันที่ฉายรอบปฐมทัศน- วันที่ 18 พฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2471- ถือเป็นวันเกิดอย่างเป็นทางการของ?มิกกี้เมาส์?
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
บทพูดครั้งแรกของ มิกกี้เมาส์?คือ ?ฮ้อท ดอกส์ ครับ!? จากเรื่อง เด็ก คาร์นิวัล (ปี พ.ศ. 2472)
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
มิกกี้เมาส์?ปรากฎตัวแบบสีครั้งแรกในปี พ.ศ. 2478 ในภาพยนต์สั้นเรื่อง The Band Concert ซี่งได้รับการตอบรับจากแฟนๆ ดีมากจนมิกกี้ไม่ปรากฎตัวเป็นขาว-ดำอีกเลย
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
มิกกี้เมาส์??ได้รับการปรับโฉมใหม่โดยนักวาดการ์ตูน เฟร็ด มัวร์ ให้มีหุ่นแบบแพร์ เชพ จมูกสั้นขึ้นและเขาเป็นคนที่แนะนำเครื่องหมายการค้า ถุงมือสีขาว ให้แก่มิกกี้ มิกกี้ใส่ถุงมือสีขาวเป็นครั้งแรกในเรื่อง The Pointer ในปี พ.ศ. 2482 ในช่วงเวลานี้เองและอีกครั้งหนึ่งในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง รูปลักษณ์ของมิกกี้ก็ได้รับการปรับเปลี่ยนที่ละเล็กละน้อยให้เหมือนกับมิกกี้ที่เรารู้จักและรักในปัจจุบัน
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องยาวของ มิกกี้เมาส์?เรื่องแรกคือ แฟนตาเซีย ในปีพ.ศ. 2483

Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
มิกกี้เม้าส์ ฉบับดั้งเดิม และ?มิกกี้เม้าส์ ฉบับใหม่ล่าสุด หรือ เรื่องสั้นของมิกกี้เม้าส์ ซึ่งจะออกฉายที่ ดิสนีย์ แชนแนล (ASTRO Channel 615) โดยออกแบบจากต้นฉบับแบบดั้งเดิมที่เป็นมุกตลกแบบจำอวด และให้ความรู้สึกเหมือนมิกกี้ในช่วงปี พ.ศ. 2360 โดยมิกกี้มักจะอยู่ในเรื่องราวขำขัน ไปพร้อมๆกับสเน่ห์ที่ทุกคนพากันหลงใหลมาโดยตลอด ซีรี่ย์ชุดนี้ได้รับรางวันภาพยนต์สั้นยอดเยี่ยม Emmy Awards โดยจะออกฉายประจำวันจันทร์ ช่วงเดือนมิถุนายน เวลา 9.00 น.?
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
มิกกี้เม้าส์ เวิร์ก (2542 – 2543)?หรืองานแสนสนุกของมิกกี้เม้าส์ คือรายการโทรทัศน์เรื่องราวของมิกกี้เม้าส์และผองเพื่อน ในฉบับการ์ตูน
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
มิกกี้เม้าส์ เฮ้าส์ ออฟ เม้าส์ (2544 – 2546)?เรื่องนี้คือความสำเร็จของ มิกกี้เม้าส์ เวิร์ก ในฉบับนี้ มิกกี้และเพื่อนๆ เปิดไนท์คลับ ที่มีแขกเป็นการ์ตูนดิสนีย์ต่างๆ มาเยือน โดยการ์ตูนจาก มิกกี้เม้าส์ เฮ้าส์ ออฟ เม้าส์ นั้นเป็นการนำมิกกี้เม้าส์ เวิร์ก มาฉายใหม่

กลับมาแล้วซีรีส์ภาคต่อของดิสนีย์ที่ได้รับการตอบรับจากแฟนๆเป็นอย่างดี มิกกี้ เฮ้าส์ ออฟ วิลเลนส์ ภาคต่อจากเฮ้าส์ ออฟ เม้าส์ 2002 ฉายซ้ำรอบพิเศษเต็มอิ่มจุใจ เมื่อพระเอกมิคกี้ต้องเผชิญหน้ากับจอมอหังการสุดเกเรแห่งอาณาจักรดิสนีย์เป็นครั้งแรก เต็มไปด้วยความป่วนและแก้เผ็ดกันเจ็บแสบ ติดตามซีรีส์สุดคลาสสิก ที่ฮา ป่วน อัดแน่นสาระความบันเทิงที่จะกลับมาให้ความเพลิดเพลินอีกครั้งทางช่องดิสนีย์ เอ็กซ์ดี (ช่อง 617 และ 637 เอชดี) ในวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน นี้ เวลาเที่ยงตรง
จดหมายเหตุ มิกกี้เมาส์?!
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
ในปี 1933, มิคกี้เม้าส์ได้รับจดหมายจากแฟนๆทางบ้านถึงแปดแสนฉบับ
มิคกี้เม้าส์ได้ร่วมแสดงหนังสั้นถึง 133 เรื่อง โดยร่วมแสดงกับตัวละครอื่นๆนับไม่ถ้วน มิกกี้รับบทช่างตัดเสื้อผู้นอบน้อมไปจนถึงนักล่าผู้อาจหาญ วาทยากรวงซิมโฟนี่ กระทั่งนักฟุตบอล จริงๆแล้วตลอด 85 ปีในอาชีพนักแสดงของมิคกี้ พูดได้เลยว่าไม่มีตัวการ์ตูนไหนที่ได้รับบทบาทสุดแสนประทับใจขนาดนี้ บทบาทล่าสุดที่มิคกี้ร่วมแสดงคือเจ้าหนูไขลาน ในสโมสรมิกกี้ เม้าส์ ตอนพ่อมดพายุหมุน นิทานผจญภัยสุดคลาสสิกม้วนเดียวจบที่จะเปิดตัวทางช่องดิสนีย์ จูเนียร์ (613) วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน นี้ เวลา 11.00น.
มิกกี้ถือเป็นตัวละครที่มีผู้คนจดจำมากที่สุดในโลก โดยรั้งอันดับที่สามตามหลังซานตาคลอสและ โรนัลด์ แมคโดนัลด์ แม้ว่าจะยังไม่โด่งดังเท่าตัวละครทั้งสองก็ตาม
ในปี 1934 เอนไซโคลพีเดีย บริแทนนิกา ยกให้มิกกี้เม้าส์ใช้คำจำกัดความของตัวเองในการค้นหาข้อมูลประวัติของมิกกี้
ในปี 1935 องค์การระหว่างประเทศ เดอะ ลีค ออฟ เนชั่น ที่ก่อตั้งขึ้นภายหลังการประชุมสันติภาพนานาชาติว่าด้วยการยุติสงครามโลกครั้งที่หนึ่งอย่างเป็นทางการ ณ กรุงปารีส ได้มอบเหรียญที่ระลึกแก่มิกกี้ในฐานะทูตแห่งความปรารถนาดี
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
Fun Facts and Secrets About Mickey Mouse
ในปี 1978 เพื่อเป็นการฉลองวันคล้ายวันเกิด ครบห้าสิบปีของมิกกี้ มิกกี้ถือตัวการ์ตุนแอนนิเมชั่นตัวแรกที่ได้รับดาวแปะไว้บน Hollywood Walk of Fame.
มิกกี้เม้าส์ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล ดิ อคาเดมี อวอร์ด สาขาการ์ตูนแอนนิเมชั่นยอดเยี่ยม ส่วนวอลส์ ดิสนีย์เอง ก็ได้รับรางวัลออสการ์สำหรับการปั้นมิกกี้ให้มาโลดเล่นบนแผ่นฟิล์ม!
รู้หรือไม่ มิกกี้ เม้าส์แม้จะได้รับบทเด่นแทบทุกเรื่องก็จริง แต่ก็มีบางครั้งนะที่เป็นดารารับเชิญกับเค้าเหมือนกัน
ในปี 2011 ดิสนีย์/Pixar film ภาพยนต์เรื่อง Cars 2, สองตัวละคร มาม่า โทโพลิโน่ และ ลุงโทโพลิโน่ สะท้อนถึงมิกกี้ ซึ่ง โทโพลิโน่หมายถึง หนูตัวน้อยๆ ซึ่งก็คือชื่อของมิกกี้ เม้าส์ในภาษาอิตาเลี่ยนนั่นเอง
ในภาพยนต์การ์ตูนเรื่องอลาดิน หน้าของราแจะเปลี่ยนเป็นมิกกี้ ไม่กี่วินาทีก่อนจะแปลงร่างจากลูกแมวน้อยเป็นเสืออีกครั้ง
ในภาพยนต์เรื่อง 101 Dalmatians: เดอะ ซีรีส์ มิกกี้ก็ปรากฏตัวในหลายๆฉาก เมื่อเหล่ามะหมาเหินเวหาท้านรก อยู่บนหลังคารถไฟใต้ดินในภาคแรก ที่มีชื่อตอนว่า ?บ้านคือวิมานมะหมา? จะเห็นเงาของมิกกี้แว้บๆ ในบทผู้โดยสาร ฉากในตอน ?ตีแผ่กลโกงสุดติ่ง? เป็นฉากที่โรลลิ่งเก็บสะสมตุ๊กตามิกกี้เม้าส์ และในฉากของตอนที่ชื่อว่า ออน เดอะ แลมบ์ ต้นไม้ในสถานรับเลี้ยงเด็ก กรูเทเล่ย์ เป็นรูปหัวมิกกี้ เม้าส์ ในซีรีส์แอนนิเมชั่น สติช! สไตล์การหลบซ่อนตัวของมิกกี้ถือเป็นมุขล้อเลียนที่เล่นกันซ้ำๆในหลายๆตอน
มิกกี้ โดนัลด์ และกูฟฟี่สร้างความครื้นเครงให้ผู้ชมในคอนเสิร์ต เงือกน้อยและราชาไทรตั้น โดยเข้าไปแทรกอยู่ท่ามกลางผู้ชม
ยังไม่พอ มิกกี้ยังสร้างความฮาในภาพยนต์แอนนิเมชั่น Wreck-It Ralph; โดยรูปของมิกกี้ปรากฏบนป้ายเหนือสนามแข่ง ลิตวัค
ครบ85 ปี ที่มิกกี้ยังคงเข้าถึงกลุ่มผู้ชมวัยเด็ก และยังคงตราตรึงในใจของผู้ใหญ่ทั่วโลกที่ยังจดจำมิกกี้และผองเพื่อน แม้ว่ามิกกี้จะอายุมากแล้ว แต่มิกกี้ก็ยังคงโด่งดังและรับบทสำคัญใน ซีรีส์ ?มิสเตอร์ ไนซ์ กาย? ที่ให้ทั้งสาระความรู้และความบันเทิงแก่ผู้ชมทุกเพศทุกวัย
?ผู้คนชื่นชอบในตัวมิกกี้ เม้าส์ เพราะมิกกี้เป็นตัวละครที่มีชีวิตชีวา และนั่นคือจุดที่ทำให้มิกกี้มีวันนี้ได้ ผมหวังว่าเราจะไม่พลาดผลงานทุกตอนของมิกกี้ ความบันเทิงที่ได้จากหนูน่ารักๆตัวหนึ่ง? วอลท์ ดิสนีย์กล่าว
แหล่งที่มา
 http://teen.mthai.com/variety/64809.html


ประวัติมิกกี้เมาส์



มิกกี้เมาส์

มิกกี้เมาส์

มิกกี้เมาส์
มิกกี้เมาส์ ใน Steamboat Willie

มิกกี้เมาส์ - มินนี่ เมาส์
มิกกี้เมาส์

มิกกี้เมาส์
มิกกี้เมาส์


          เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนคงเคยดูการ์ตูน มิกกี้ เมาส์ (Mickey Mouse) มาตั้งแต่เด็ก ๆ จนเป็นเสมือนเพื่อนทางจินตนาการแสนรัก แต่ทราบกันไหมว่าเจ้าหนูชื่อดังระดับโลกนี้ อายุอานามปาเข้าไปถึง 82 ปีแล้ว เรียกได้ว่าเป็น คุณปู่ มิกกี้ เมาส์ ของหนูน้อยหลายล้านคนทั่วโลก และเนื่องในวันเกิดของ มิกกี้ เมาส์ 18 พฤศจิกายน เราจะพาเพื่อน ๆ ไปย้อนรำลึกถึงการ์ตูนสุดคลาสสิคอย่าง "มิกกี้ เมาส์" กันค่ะ

          มิกกี้ เมาส์ เป็นตัวการ์ตูนของค่ายดิสนีย์ ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ.1928 (พ.ศ.2471) โดย วอลเตอร์ อีลิส ดิสนีย์ และอับ ไอเวิร์กส เดิมทีพวกเขาเรียกมันว่า "มอร์ติเมอร์ เมาส์" ก่อนจะเปลี่ยนชื่อตัวการ์ตูนนี้ใหม่เป็น มิกกี้ เมาส์ จากการแนะนำของภรรยาวอลต์ ดิสนีย์ เนื่องจากเธอเห็นว่ามันเป็นชื่อที่ดูจริงจังจนเกินไป

          ทั้งนี้ จุดกำเนิดของ มิกกี้ เมาส์ เกิดขึ้นขณะที่ วอล์ต อีลิส ดิสนีย์ (ขณะนั้นอายุ 27 ปี) นั่งอยู่บนรถไฟระหว่างทางมุ่งสู่ลอสแอนเจลิส เขาลงมือสเก็ตช์ภาพคาแรกเตอร์หนูเล็ก ๆ สวมกางเกงสีแดงขึ้นมา โดยมี อับ ไอเวิร์กส ออกแบบรูปร่างลักษณะ หลังจากนั้นในปี ค.ศ.1928 (พ.ศ.2471) มิกกี้ เมาส์ ก็ปรากฎตัวครั้งแรกในหนังการ์ตูนเงียบที่ชื่อว่า Plane Crazy แต่ก่อนที่การ์ตูนเรื่องนี้จะออกฉายนั้น ก็เริ่มมีการนำเสียงมาใส่ในภาพยนตร์ ทำให้ มิคกี้ เมาส์ เป็นหนังการ์ตูนที่มีการใส่เสียงเรื่องแรกในโลก ในชื่อเรื่องว่า Steamboat Willie

          การเปิดตัวครั้งแรกของ มิกกี้เมาส์ ในเรื่อง "Steamboat Willie" ในวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ.1928 (พ.ศ.2471) ทำให้ มิกกี้เมาส์ กลายเป็นขวัญใจของเด็ก ๆ จวบจนปัจจุบัน โดยทางนิวยอร์กไทม์ เคยเขียนชื่นชมว่า มิกกี้ เมาส์ เป็นผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์เยี่ยมยอดและสนุก เพราะการ์ตูนเรื่องนี้มีจุดเด่นที่เพลงประกอบที่ไพเราะ ภาพ และฉากที่สวยงาม

          ลักษณะเด่นของ มิกกี้ เมาส์ เป็นเพียงหนูตัวเล็ก ๆ หูกลมใหญ่สีดำ แขนขาเล็กมาก สวมกางเกงเอี๊ยมสีแดง รองเท้าสีเหลือง มีบุคลิกที่มีความอดทน อดกลั้น ฉลาดหลักแหลม มองโลกในแง่ดี และกล้าหาญ ที่สำคัญ มิกกี้ เมาส์ มีสัญชาตญาณพิเศษในเรื่องของการสืบสวนสอบสวน และด้วยบุคลิกที่โดดเด่นในแง่นี้เองทำให้ตัวการ์ตูนตัวนี้ชอบที่จะใช้เหตุผลเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้กำลังเข้าสู้ จนสามารถเอาชนะศัตรูที่มีร่างกายที่แข็งแรงกว่า ทำให้ มิกกี้เมาส์ สามารถเป็นที่รักและครองหัวใจของเด็ก ๆ และผู้คนทั่วโลกได้เป็นเวลาหลายทศวรรษ

          เป็นที่รู้กันดีว่า มิกกี้ เมาส์ ชอบร้องอุทาน "Gosh" หรือบางครั้งก็ "Oh boy!", "Aw-Gee" ,"Uh-Oh!" และยังชอบอ่าน Newsweek, time, Life, National Geographic, Good Housekeeping โดยมีหวานใจชื่อว่า มินนี่ เมาส์ ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนที่ครองใจเด็ก ๆ ทั่วโลกเช่นกัน นอกจากนี้ มิกกี้เมาส์ ยังมีสุนัขสีน้ำตาลแสนรัก ชื่อว่า พลูโตที่เป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ ฉลาดและแสนรู้









          โดยเหล่าผองเพื่อน มิกกี้ เมาส์ ถือกำเนิดตามมาในช่วงปี ค.ศ. 1930- ค.ศ.1940 (พ.ศ.2473 – พ.ศ.2483) ได้แก่ มินนี่ เมาส์, กู๊ฟฟี่, พลูโต, โดนัลด์ ดั๊ก และอีกมากมาย โดย กุฟฟี่ ถูกสร้างขึ้นปี ค.ศ.1932 (พ.ศ. 2475) เป็นตัวการ์ตูนที่มีบุคลิกตลก และสนุกสนาน เขามักจะคอยกวนใจ มิกกี้ เมาส์ บ่อยครั้ง แต่ก็ช่วยคลายเศร้าให้กับเพื่อนได้เป็นอย่างดี และถือเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด มักจะติดตาม มิกกี้ เมาส์ ไปทุกที่ และหาก กุฟฟี่ ได้รับประทานถั่วชนิดพิเศษเข้าไป เขาจะเปลี่ยนเป็น ซุปเปอร์กูฟ มีพลังเหมือนกับซุปเปอร์แมน สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว

          ส่วน มินนี่ เมาส์ ถูกสร้างโดย ฟอยด์ ก๊อตเฟรตสัน นักวาดการ์ตูนสร้าง มินนี่ เมาส์ ขึ้นมาเพื่อเป็นคู่หมั้นของ มิกกี้ เมาส์ และให้เป็นตัวแทนของความเป็นผู้หญิง มีบุคลิกที่อ่อนหวาน อ่อนไหว ชอบการต่อสู้และมีอารมณ์ที่ค่อนข้างหุนหันพลันแล่น ส่วนใหญ่แล้ว มินนี่ เมาส์ จะปรากฏตัวในห้องครัว ขณะที่ทำเค้กกับคาร์ราเบลล่า ซึ่งเป็นเพื่อนของมินนี่ เมาส์

          นอกจากนี้ ยังมี โดนัลด์ ดั๊ก ตัวการ์ตูนที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นคู่ปรับกับ มิกกี้ เมาส์ เพราะในขณะที่ดิสนีย์วางบุคลิก มิกกี้ เมาส์ ให้เป็นตัวการ์ตูนที่ดูใจดี ไม่คิดร้ายกับใคร แต่กลับวางบุคลิกของโดนัล ด์ ดั๊ก ให้เป็นเป็ดจอมโวย มีนิสัยขี้โมโหฉุนเฉียว โดย โดนัลด์ ดั๊ก ปรากฎตัวในการ์ตูนของดิสนีย์หลากหลายเรื่องทั้งทางจอเงินและจอแก้ว

          ในปี ค.ศ.1950 (พ.ศ.2493) มิกกี้ เมาส์ ก็เริ่มมีรายการทีวีเป็นของตัวเองในชื่อรายการ "The Mickey Mouse Club" ซึ่ง มิกกี้เมาส์ ก็เหมือนตัวการ์ตูนดาวค้างฟ้าตัวอื่น ๆ ที่ไม่มีวันแก่ เปรียบเสมือนเป็นมาสคอตแห่งโลกการ์ตูนของฝั่งอเมริกา เช่นเดียวกับ โดราเอม่อน ที่เป็นเสมือนมาสคอตของตัวการ์ตูนของทางฝั่งญี่ปุ่น

          มาถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า 82 ปีแล้วที่ มิกกี้เมาส์ ครองใจเด็ก ๆ และผู้คนทั่วโลก ซึ่งแม้ว่า มิกกี้ เมาส์ จะเป็นเพียงหนูตัวเล็ก ๆ แต่เขาก็สร้างรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ ผ่านเรื่องราวดี ๆ ที่แฝงแง่คิดและความสนุกสนาน ทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นทำให้เกิดอาณาจักรอันยิ่งใหญ่แห่งโลกการ์ตูน ในนาม วอลต์ ดิสนีย์ ดังคำกล่าวของ วอลเตอร์ อีลิส ดิสนีย์ ที่ว่า...

          "I hope we never lose sight of on thing…that this was all star by a mouse" ...ดีสนีย์ยืนยงมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ก็เพราะเราเริ่มต้นจากหนูตัวเล็ก ๆ

          เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบปีที่ 82 เชิญแฟน ๆ มาร่วมอวยพรให้คุณปู่(การ์ตูน) มิกกี้ เมาส์ กันค่ะ
แหล่งที่มา    http://hilight.kapook.com/view/53689

มิกกี้ เมาส์




มิกกี้ เมาส์
มิกกี้ เมาส์ (อังกฤษMickey Mouse) เป็นตัวละครการ์ตูนที่ครองใจเด็กๆทั่วโลก มีลักษณะเป็นหนูสีดำ สวมกางเกงเอี๊ยมสีแดง ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 โดยวอลต์ ดิสนีย์ และอับ ไอเวิร์กส ให้เสียงโดยวอลต์ ดิสนีย์
จุดกำเนิดของมิกกี้ เมาส์ เกิดขึ้นขณะที่วอลต์ ดิสนีย์ นั่งอยู่บนรถไฟระหว่างทางมุ่งสู่ลอสแอนเจลิส เขาลงมือสเก็ตช์ภาพคาแรกเตอร์หนูเล็ก ๆ สวมกางเกงสีแดง ขึ้นมา โดยมีอับ ไอเวิร์กส ออกแบบรูปร่างลักษณะ การ์ตูนเสียงเรื่องแรก "เรือกลไฟวิลลี่" (Steamboat Willie)[1] เข้าฉายครั้งแรกที่ มอสส์โคโลนี่เธียเตอร์[2] โดยทางนิวยอร์กไทม์เขียนไว้ว่า "เป็นผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์เยี่ยมยอดและสนุก"
บุคลิกของมิกกี้ เมาส์ คือ มองโลกในแง่ดี มีความกระตือรือร้น ถ่อมตัวและเรียบง่าย ซื่อสัตย์ ชอบร้องอุทาน "Gosh" หรือบางครั้งก็ "Oh boy!", "Aw-Gee" ,"Uh-Oh!" ชอบอ่าน Newsweek, time, Life, National Geographic, Good Housekeeping มีหวานใจชื่อว่ามินนี่เมาส์ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนที่ครองใจเด็กๆทั่วโลกเช่นกัน นอกจากนี้มิกกี้เมาส์ยังมีสุนัขสีน้ำตาลแสนรัก ชื่อว่า พลูโตที่เป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ ฉลาดและแสนรู้
มิกกี้ เมาส์ เป็นตัวการ์ตูนของค่ายดิสนีย์ ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ.1928 (พ.ศ. 2471) โดย วอลเตอร์ อีลิส ดิสนีย์ และอับ ไอเวิร์กส เดิมทีพวกเขาเรียกมันว่า "มอร์ติเมอร์ เมาส์" ก่อนจะเปลี่ยนชื่อตัวการ์ตูนนี้ใหม่เป็น มิกกี้ เมาส์ จากการแนะนำของภรรยาวอลต์ ดิสนีย์ เนื่องจากเธอเห็นว่ามันเป็นชื่อที่ดูจริงจังจนเกินไป
ทั้งนี้ จุดกำเนิดของ มิกกี้ เมาส์ เกิดขึ้นขณะที่ วอล์ต อีลิส ดิสนีย์ (ขณะนั้นอายุ 27 ปี) นั่งอยู่บนรถไฟระหว่างทางมุ่งสู่ลอสแอนเจลิส เขาลงมือสเก็ตช์ภาพคาแรกเตอร์หนูเล็ก ๆ สวมกางเกงสีแดงขึ้นมา โดยมี อับ ไอเวิร์กส ออกแบบรูปร่างลักษณะ หลังจากนั้นในปี ค.ศ.1928 (พ.ศ. 2471) มิกกี้ เมาส์ ก็ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังการ์ตูนเงียบที่ชื่อว่า Plane Crazy แต่ก่อนที่การ์ตูนเรื่องนี้จะออกฉายนั้น ก็เริ่มมีการนำเสียงมาใส่ในภาพยนตร์ ทำให้ มิคกี้ เมาส์ เป็นหนังการ์ตูนที่มีการใส่เสียงเรื่องแรกในโลก ในชื่อเรื่องว่า Steamboat Willie
การเปิดตัวครั้งแรกของ มิกกี้เมาส์ ในเรื่อง "Steamboat Willie" ในวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ.1928 (พ.ศ. 2471) ทำให้ มิกกี้เมาส์ กลายเป็นขวัญใจของเด็ก ๆ จวบจนปัจจุบัน โดยทางนิวยอร์กไทม์ เคยเขียนชื่นชมว่า มิกกี้ เมาส์ เป็นผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์เยี่ยมยอดและสนุก เพราะการ์ตูนเรื่องนี้มีจุดเด่นที่เพลงประกอบที่ไพเราะ ภาพ และฉากที่สวยงาม
ลักษณะเด่นของ มิกกี้ เมาส์ เป็นเพียงหนูตัวเล็ก ๆ หูกลมใหญ่สีดำ แขนขาเล็กมาก สวมกางเกงเอี๊ยมสีแดง รองเท้าสีเหลือง มีบุคลิกที่มีความอดทน อดกลั้น ฉลาดหลักแหลม มองโลกในแง่ดี และกล้าหาญ ที่สำคัญ มิกกี้ เมาส์ มีสัญชาตญาณพิเศษในเรื่องของการสืบสวนสอบสวน และด้วยบุคลิกที่โดดเด่นในแง่นี้เองทำให้ตัวการ์ตูนตัวนี้ชอบที่จะใช้เหตุผลเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้กำลังเข้าสู้ จนสามารถเอาชนะศัตรูที่มีร่างกายที่แข็งแรงกว่า ทำให้ มิกกี้เมาส์ สามารถเป็นที่รักและครองหัวใจของเด็ก ๆ และผู้คนทั่วโลกได้เป็นเวลาหลายทศวรรษ
แหล่งที่มา https://th.wikipedia.org/w/index.php?title=%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%89_%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B9%8C&action=edit&section=2